จากการประกาศยกเลิกการใช้ Third Party Cookie ของ Google ที่คาดว่าจะมีผลเต็มรูปแบบภายในปี 2023 ได้สร้างความสั่นสะเทือนต่อวงการโฆษณาและการตลาดออนไลน์เป็นอย่างมาก เนื่องจากกิจกรรมทางการตลาดส่วนใหญ่จำเป็นต้องอาศัยข้อมูลจากคุกกี้เหล่านี้แทบทั้งสิ้น โดยเบื้องหลังการตัดสินใจในครั้งนี้ มีที่มาจากความต้องการความเป็นส่วนตัวที่เพิ่มสูงขึ้นในกลุ่มผู้ใช้บริการนั่นเอง
Justin Schuh หัวหน้าทีมวิศวกรซอฟต์แวร์ของ Chrome กล่าวว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ Google ตัดสินใจยกเลิกการใช้คุกกี้ดังกล่าว เป็นเพราะปัจจุบันกลุ่มผู้ใช้บริการต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ทั้งการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่โปร่งใส การให้ความยินยอม รวมไปถึงการนำข้อมูลเหล่านั้นไปใช้อย่างถูกต้อง
นั่นหมายความว่าภายในปี 2023 ข้อมูลเชิงลึกจาก Third Party Cookie ที่นักการตลาดใช้ในการวางแผนกลยุทธ์ด้านการสื่อสาร การออกแบบสื่อโฆษณา รวมไปถึงการทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายแบบเฉพาะเจาะจงจะหายไปทันที นี่จึงเป็นสัญญะสำคัญที่บ่งบอกว่า โลกของ Digital Marketing ที่หลายคนคุ้นเคยกำลังจะเปลี่ยนไปตลอดกาล
สิ่งหนึ่งที่จะเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด คือ Third Party Audience หรือกลุ่มเป้าหมายที่มาจากการเก็บรวบรวมข้อมูลคุกกี้เหล่านี้จะมีขนาดลดลงอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งไม่คุ้มค่าต่อการลงทุนเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอีกต่อไป นำไปสู่การกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ไม่ตรงจุดและ Conversion Rate ที่ตกต่ำในทางธุรกิจ
ด้วยเหตุนี้ นักการตลาดจึงจำเป็นจะต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ในการวิเคราะห์และกำหนดกลุ่มเป้าหมาย โดยอาศัยวิธีการทางการตลาดอื่น ๆ เช่น Email Marketing เป็นต้น และในทางตรงกันข้าม บริษัทที่จัดทำและดูแลเรื่องสื่อโฆษณา ก็จะต้องมีวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลของกลุ่มเป้าหมายที่ไม่เกี่ยวข้องกับการใช้ Third Party Cookie ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของกลุ่มเป้าหมายจะกลายเป็นเรื่องยากและซับซ้อนมากขึ้น แต่การทำการตลาดแบบ Personalization ก็ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดำเนินธุรกิจยุคดิจิทัล ประเด็นที่สำคัญ คือ แล้วนักการตลาดจะเอาตัวรอดไปได้อย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้ ?
แม้ว่าในอนาคตอันใกล้ นักการตลาดอาจจะต้องสูญเสียเครื่องมือสำคัญอย่าง Third Party Cookie ไป แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าการใช้คุกกี้จะหายไปซะทีเดียว เรายังคงสามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญของกลุ่มเป้าหมายได้อยู่ เพียงแค่เปลี่ยนจากการพึ่งพาคุกกี้ของบุคคลที่สามมาใช้คุกกี้ของตัวเองในการจัดเก็บข้อมูล
โดย First Party Cookie สามารถจดจำข้อมูลของผู้ใช้งานเว็บไซต์ได้หลากหลายรูปแบบ เช่น ตำแหน่งโลเคชั่นของผู้ใช้งาน ภาษาการใช้งานหน้าเว็บ รวมไปถึงพฤติกรรมการใช้งานที่เกิดขึ้น ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถทำความเข้าใจและกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด นำไปสู่การวางกลยุทธ์และจัดการสื่อโฆษณาออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพต่อไป
ถึงกระนั้น สิ่งที่ต้องตระหนักอยู่เสมอสำหรับการใช้ First Party Cookie คือ การจัดเก็บข้อมูลในลักษณะนี้ ถือเป็นการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลรูปแบบหนึ่งตามกฎหมาย PDPA ซึ่งเจ้าของเว็บไซต์จะต้องได้รับความยินยอม (Consent) ในการใช้คุกกี้จากผู้ใช้งานเว็บไซต์ก่อนทุกครั้ง โดยวิธีการที่สะดวกและได้รับความนิยมมากที่สุด คือ การขอความยินยอมผ่าน Cookie Banner ที่ผู้ใช้งานสามารถกดยอมรับผ่านหน้าเว็บไซต์ได้เลย ทั้งยังปรับการตั้งค่าการใช้งานคุกกี้ได้ตามความต้องการ
เพียงเท่านี้ การก้าวเข้าสู่ยุค ‘Cookieless World’ ก็จะไม่ใช่เรื่องที่น่าวิตกกังวลอีกต่อไป และสำหรับใครที่กำลังมองหาแพลตฟอร์ม ที่จะเปลี่ยนการขอความยินยอมให้เป็นเรื่องง่าย สามารถสร้าง Cookie Banner กับ Cookie Wow ได้เลยภายในไม่กี่นาที รับรองได้ว่าคุณจะสามารถนำข้อมูลที่ได้ไปใช้วิเคราะห์ต่อยอดได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย